ยังคงมีหลายคนสงสัยว่า เคสโทรศัพท์มือถือมีกี่ประเภท แล้วไลฟ์สไตล์แบบเราต้องใช้เคสแบบไหนถึงจะเหมาะสมกันแน่ วันนี้ thebestcase เลยเอาเคล็ดลับมาฝากกันครับ
1. Soft Case เคสแบบอ่อน ยืดหยุ่นได้ เป็นเคสที่มีราคาน่ารัก และได้รับความนิยมสูง เนื่องจากข้อดีมีหลายข้อมากๆ คือ ยืดหยุ่น รับแรงกระแทกได้สูง ทำจากวัสดุ 2 ประเภท คือ
- ซิลิโคน ข้อดี คือ ยืดหยุ่น รับแรงกระแทกได้สูง ทำความสะอาดง่าย สวมใส่กับโทรศัพท์ง่าย ตัวเคสมีความหนืดทำให้เวลาเราถือไม่ตกหล่นง่าย วางไว้ตรงไหนไม่เลื่อน หรือลื่นง่าย ด้วยความที่นิ่ม ยืดหยุ่น ทำให้ไม่ทำให้เกิดรอยบนตัวเครื่อง และที่สำคัญสามารถสกรีนลายได้ง่าย ทำให้เคสประเภทนี้วางขายเต็มไปหมดเลย แต่เมื่อของมีข้อดี ก็ย่อมต้องมีข้อเสีย ข้อเสีย คือ เป็นเคสที่เป็นตัวดูดฝุ่นชั้นดีเลยค่ะ ฝุ่นเกาะติดง่ายมั่กๆ เมื่ออยู่ใกล้ความร้อน หรือใช้งานเกิน 6 เดือนจะเสียทรง หรือย้วยได้
- ยาง TPU ย่อมาจาก Thermoplastic Polyurethanes จะมีความต่างกับซิลิโคนในเรื่องของ ความยืดหยุ่น การรับการกระแทก สรุปง่ายๆ ข้อดี คือ คงทนกว่าซิลิโคน ไม่เสียทรงง่าย ไม่จับฝุ่นเท่าซิลิโคน รองรับแรงกระแทกได้ระดับนึง ในส่วนของข้อเสีย คือ ถ้าเป็นเคสแบบใส อาจจะเหลือง หม่นๆ ดูเก่าไม่น่าใช้ และเนื่องจากมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าซิลิโคน ทำให้เวลาทำเครื่องตกอาจจะได้รับการกระแทกที่แรงกว่า ส่งผลให้ตัวเครื่องเสียหายได้มากกว่า
แต่เนื่องจากความยืดหยุ่น มีลายให้เลือกเยอะ ราคาถูก ทำให้เคสมือถือประเภทนี้ได้รับความนิยมสูง ซึ่งเป็นเคสมือถือที่เหมาะกับหนุ่มๆ สาวๆ หรือเด็ก ผู้ใหญ่ทุกสไตล์ เพียงเลือกลายของเคสที่ชอบ ก็สามารถบ่งบอกสไตล์ของคุณแล้ว อ้อที่สำคัญ เหมาะกับคนซุ่มซ่ามด้วยนะคะ เผลอทำมือถือตกบ่อยๆ เคสประเภทนี้ช่วยรับแรงกระแทกคุ้มเลย
2. Hard Case เคสแข็ง ทำจากพลาสติก หรืออะลูมิเนียม ซึ่งจะการใส่เคสมือถือจะมี 2 แบบ คือ Snap On กับ Slide In
- Snap On คือ นำเคสส่วนบน ส่วนล่างมาประกอบกัน
- Slide in คือ การใส่มือถือเข้าไปในเคสด้านใดด้านหนึ่งก่อน แล้วค่อยเอาอีกด้านประกบเข้าไป
ซึ่งข้อดีของประเภทเคสนี้ คือ ดูดี มีความทนทานระดับนึง แต่ข้อเสีย คือ ถ้าเป็นวัสดุแบบอะลูมิเนียม บางเคสจะทำให้การรับสัญญาณมือถือไม่ดีนัก เคสมีน้ำหนักมาก และทำให้โทรศัพท์มือถือเป็นรอยได้
เคสประเภทนี้ เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบความเรียบหรูดูดี เพราะลายอาจจะไม่มีให้เลือกมากนัก และต้องมีนิสัยรักษาของบ้าง ถ้าเผลอทำรุนแรงกับเคสบางทีกระทบถึงตัวเครื่องได้เลยนะครับ
. Hybrid Case เป็นเคสมือถือที่เอาข้อดีของทั้ง Soft Case กับ Hard Case มารวมกันในเคสเดียว โดยส่วนมากมักจะนำซิลิโคน มาจับคู่กับพลาสติก
ข้อดีของเคสประเภทนี้ คือ มีความยืดหยุ่นจากคุณสมบัติของ Soft Case มีความแข็งแรงคงรูปจากคุณสมบัติของ Hard Case ให้ความรู้สึกขณะจับที่ดี ดูแข็งแรง มีน้ำหนักที่เหมาะสม ข้อดีที่สำคัญที่สุด คือ สามารถรับแรงกระแทกได้ดีที่สุดในบรรดาเคสทุกแบบ
แต่ก็ย่อมมีข้อเสีย คือ รูปร่างหรือขนาดอาจจะเทอะทะ มีขนาดใหญ่กว่าเคสทั่วๆไป เนื่องจากมี Soft case มาผสมด้วยทำให้ดึงข้อเสียมาด้วย คือ ฝุ่นมักเกาะง่าย และวัสดุที่เป็นพลาสติกมักแตกหักเสียหายง่าย เพราะเมื่อต้องการลดขนาดความหนาความใหญ่ของเคส ย่อมต้องเลือกพลาสติกที่บางกว่าพลาสติกแข็งหนา
เคสประเภทนี้เหมาะกับคนลุยๆ สมบุกสมบัน และที่สำคัญต้องชอบพกโทรศัพท์ในกระเป๋าถือ เพราะเคสมีความหนา และใหญ่กว่าเคสทั่วไป จึงไม่สามารถพกมือถือในกระเป๋ากางเกง หรือกระโปรงได้ อาจทำให้เสียบุคลิกได้
4. Leather Case เคสหนัง เป็นเคสที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และมีหลายแบบให้เลือกใช้มาก ในส่วนข้อดีของเคสหนัง คือ ดูสวยผู้ดี ใช้งานง่าย เพียงสอดมือถือเข้าไปถ้าเป็นแบบเคสซอง หรือถ้าเป็นแบบเคสสวมมีฝาปิด ก็จะสามารถปกป้องหน้าจอมือถือของเราได้ด้วย ในส่วนของข้อเสียนั้น เคสประเภทนี้อาจจะไม่สามารถรับแรงกระแทกแรงๆได้ หรือบางครั้งเป็นการเพิ่มความหนาให้กับมือถือมากขึ้น ส่วนส่วนความทนทาน และการดูแลรักษา อยู่ที่หนังที่เลือกมาทำเคส คือ หนังชนิดใด และมีความเหนียวคงทนมากแค่ไหน
เคสประเภทนี้ สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้อารมณ์ความรู้สึกเรียบหรู ดูดี หรือบางครั้งลายหนังของเคสอาจจะทำให้ผู้ถือเคสนั้น ดูน่าค้นหา ดูชวนมองมากขึ้นก็ได้
หวังว่าทุกๆคน จะเข้าใจประเภทเคสมือถือต่างๆ และเลือกให้ตรงกับการใช้งานของตัวเองได้แล้วนะคะ เพื่อปกป้องมือถืออันเป็นที่รักกันนะครับ
ที่มา : https://caseonline2018.wixsite.com/thebestcase
สนใจสั่งซื้อสินค้ากับทางเรา
LINE : @kqb0386c (thebestcase)
FACEBOOK: Thebestcase?
INSTAGRAM : The_best_case
WEBPAGE: https://caseonline2018.wixsite.com/thebestcase
Comments